กัญชาถูกปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด ประชาชนสามารถปลูก ครอบครอง ซื้อ ขาย แจก เมล็ด ต้น ใบ กัญชา ได้อย่างเสรี การปลดล็อกครั้งนี้สร้างกระแสความนิยมกัญชาทั้งเพื่อการแพทย์ ส่งผลให้เกิดฟาร์มกัญชาจำนวนมากขึ้นทั่วประเทศ
เพราะ CBD มีประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย
CBD หรือ cannabidiol เป็นสารประกอบที่พบในกัญชาและกัญชง ไม่เหมือนกับ THC ซึ่งเป็นสารประกอบที่ทำให้มึนเมา CBD ไม่ส่งผลต่อจิตประสาท
CBD กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า CBD อาจมีประโยชน์ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น:
- ความวิตกกังวล: CBD อาจช่วยลดความวิตกกังวลในผู้ป่วยโรควิตกกังวล generalized anxiety disorder (GAD) และโรคแพนิก
- อาการชัก: CBD อาจช่วยลดอาการชักในเด็กและผู้ใหญ่ที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาทั่วไป
- อาการปวดเรื้อรัง: CBD อาจช่วยลดอาการปวดเรื้อรังจากโรคต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคเส้นใยประสาทอักเสบ และโรคมะเร็ง
- อาการคลื่นไส้: CBD อาจช่วยลดอาการคลื่นไส้จากเคมีบำบัด และการรักษาด้วยยาอื่นๆ
- โรคลมชัก: CBD อาจช่วยลดอาการชักในเด็กและผู้ใหญ่ที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาทั่วไป
- โรคพาร์กินสัน: CBD อาจช่วยลดอาการสั่นและความตึงของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- โรคนอนไม่หลับ: CBD อาจช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นและนอนหลับได้ยาวนานขึ้น
ฟาร์มกัญชาออแกนิคในประเทศไทย
ยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน
ประการแรก กฎหมายกัญชาฉบับใหม่ยังอยู่ในช่วงร่าง รอประกาศใช้ เกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกกัญชาออแกนิคอย่างถูกต้อง การปลูกกัญชาแบบออแกนิคนั้นแตกต่างจากการปลูกแบบทั่วไป เกษตรกรต้องเรียนรู้วิธีการดูแลต้นกัญชาโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลง
ฟาร์มกัญชาออแกนิคที่ดีควรมีระบบการจัดการที่ครอบคลุมทุกด้าน ดังนี้
- การจัดการพื้นที่ปลูก: เลือกพื้นที่ปลูกที่มีแสงแดดเพียงพอ อากาศถ่ายเทสะดวกตรวจสอบคุณภาพดิน ปรับสภาพดินให้เหมาะสมวางระบบการระบายน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำขัง เตรียมแปลงปลูก ใส่ปุ๋ยอินทรีย์
- การจัดการเมล็ดพันธุ์: เลือกเมล็ดพันธุ์กัญชาที่มีคุณภาพ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์อย่างถูกวิธี
- การปลูก: ปลูกกัญชาโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลง ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภัณฑ์ และสมุนไพรในการดูแลต้นกัญชา ควบคุมปริมาณน้ำ ระวังปัญหาน้ำขังกำจัดวัชพืชโดยวิธีธรรมชาติ
การนำระบบ GA มาใช้กับฟาร์มกัญชาออแกนิก เพื่อช่วยจัดการข้อมูลสารสนเทศของฟาร์ม
ฟาร์มกัญชาออแกนิกมีระบบการจัดการที่คล้ายคลึงกับฟาร์มทั่วไป แต่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่การจัดการพื้นที่ปลูก เมล็ดพันธุ์ การปลูก การเก็บเกี่ยว การแปรรูป การทดสอบ การติดตามสินค้าคงคลัง การขาย การกระจายสินค้า
- การติดตามสายพันธุ์: ติดตามสายพันธุ์ของกัญชา เมล็ดพันธุ์ ต้นกัญชา และผลิตภัณฑ์
- การจัดการการปลูก: ติดตามการเจริญเติบโตของต้นกัญชา ปริมาณน้ำ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และสภาพอากาศ
- การเก็บเกี่ยว: ติดตามผลผลิต ตรวจสอบคุณภาพ และเก็บเกี่ยว
- การแปรรูป: ติดตามกระบวนการแปรรูป ตรวจสอบคุณภาพ และบรรจุภัณฑ์
- การทดสอบ: ตรวจสอบ cannabinoids terpenes โลหะหนัก และสารปนเปื้อน
- การติดตามสินค้าคงคลัง: ติดตามเมล็ดพันธุ์ ต้นกัญชา ผลิตภัณฑ์กัญชา และวัตถุดิบ
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบ: ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับกัญชาเกษตรกรควรศึกษาความรู้ พัฒนาระบบการจัดการอย่างต่อเนื่อง
กระแสความนิยมกัญชาทั้งเพื่อการแพทย์พุ่งสูง เกิดการแข่งขันฟาร์มกัญชาจำนวนมากขึ้นทั่วประเทศ
แต่การจะสร้างฟาร์มกัญชาออแกนิคที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายด่านที่ต้องฝ่าฟัน กฎหมายกัญชาฉบับใหม่ยังอยู่ในช่วงร่าง รอประกาศใช้ เกษตรกรต้องติดตามข่าวสารและศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดเพื่อป้องกันปัญหา เกษตรกรไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกกัญชาออแกนิคอย่างถูกต้อง การปลูกกัญชาแบบออแกนิคต่างจากการปลูกแบบทั่วไป เกษตรกรต้องเรียนรู้วิธีดูแลต้นกัญชาโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลง
สรุป
แม้ว่า ฟาร์มกัญชาออแกนิคในประเทศไทยเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายมากมาย แต่เพื่อประโยนช์ทางการแพทย์ ทาง CBWEEDY ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพ ของฟาร์มให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอและร่วมมือกับชุมชนจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน เพื่อกระจายรายได้ ให้กับชุมชุมต่อไป และสำหรับผู้ซื้อควรคำนึง ถึงสายพันธุ์ ที่มีคุณภาพ และมีสารสกัด CBD หรือ cannabidiol สายพันธุ์บางชนิดมี CBD มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เหมาะแก่การนำไปใช้ทางการแพทย์ เช่น สายพันธุ์ Fruity weedy ที่เป็นผู้ยอมรับทางการแพทย์
สำหรับผู้ที่มองหากัญชาออแกนิคจากฟาร์มในประเทศไทย
ติดต่อ CBweedy Farm เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟาร์มกัญชาออแกนิค
สั่งซื้อ LINE @cbweedy หรือคลิ๊ก https://lin.ee/9FRFGHm